
วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2552
กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์

วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2552
Sydney Opera House

วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2552
มหาวิหารโคโลญ

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral หรือ Kolner Dom) สร้างสำเร็จพร้อมกับมีพีธีวางหลักหินบันทึกข้อมูลการก่อสร้าง (foundation stone) โดยเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1791 แต่มีปัญหาให้ต้องหยุดพักการก่อสร้างไปบ้าง จึงต้องใช้เวลากว่าหกร้อยปีจึงสร้างเสร็จสมบูรณ์ มหาวิหารโคโลญเป็นศาสนสถานของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก นับเป็นวิหารที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลกในสมัยนั้น (แม้ปัจจุบันก็ยังติดอันดับต้น ๆ) ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิก (Gothic) เป็นหอคอยแฝดสูง 157 เมตร กว้าง 86 เมตร ยาว 144 เมตร สร้างเพื่ออุทิศให้ นักบุญปีเตอร์(Saint Peter) และ พระแม่มารี (Blessed Virgin Mary) ปัจจุบันมหาวิหารโคโลญนับจุดหมายสำคัญของเมืองโคโลญและประเทศเยอรมนี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 2536
วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2551
Merry... Christmas

เป็นการฉลองการบังเกิดของพระเยซูที่เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม คำว่า " คริสต์มาส " เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณ ว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" คำว่า "Christes Maesse" พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษในปี 1038 และคำนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas
ในภาษาไทย " คริสต์มาส " ก็มีความหมาย เช่นกัน คำว่า "มาส" แปลว่า "เดือน" เทศกาลคริสต์มาสจึง เป็นเดือนที่เราระลึกถึงพระเยซูคริสต์เจ้าเป็นพิเศษ คำว่า"มาส" คือ"ดวงจันทร์" ตีความหมายในภาษาไทยคือพระเยซูทรงเป็นความสว่างของโลก เหมือนดวงจันทร์ เป็นความสว่างในตอนกลางคืน Merry X'mas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า"สันติสุขและความสงบทางใจ"
คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบทางใจ ถือเอาประเพณีของชนในท้องถิ่นนั้น มาประยุกต์เข้ากับศาสนา โดยจัดให้มีการฉลองเพื่อระลึก ถึงการบังเกิดของพระเยซู ที่เขายกย่องเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสากลโลก ผู้ทรงเกียรติเลอเลิศประเพณี นี้ ได้เริ่มมาจากรุงโรมในศตวรรษ ที่ 4 และ ค่อยๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป
.. ซานตาคลอส ซานต้าครอส ..
วันคริสต์มาสนี้เริ่มตั้งแต่คริสตวรรษที่4 มีนักบุญคนหนึ่งชื่อ "นิโคลาส " หรือ "เซนต์นิโคลาส" ท่านเป็นนักบุญ ตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อเป็นเด็กหนุ่ม ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นสังฆราชแห่งแคว้นไมรา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี ท่านได้กลายเป็นนักบุญอุปถัมถ์ประจำชีวิตเด็ก
เด็กในประเทศอังกฤษ จะเรียกคุณตาใจดีว่า "คุณพ่อแห่งวันคริสต์มาส" ( Father Christmas ) เด็กเยอรมันนีเรียกว่า "ญาติแห่งพระคริสต์ " ( Christ Child ) เด็กชาวดัชท์เรียกว่า "ซาน นิโคลาส" หรือ "Sankt Klous" ในที่สุดกลายเป็น " ซานตาคลอส " ติดปากเด็กๆทั่วโลก
ในปี ค.ศ. 1866 นักวาดการ์ตูนชาวอเมริกัน ชื่อ โธมัส แนส เป็นคนแรกที่วาดภาพของ ซานตาคลอส ขึ้นมาลักษณะเหมือนที่เรา เห็นทุกวันนี้ ลงพิมพ์ในหนังสือ "Horpers Weekly"เป็นครั้งแรกใบหน้าของซานตาคลอส เป็นสีแดงอมชมพูเหมือนกลีบกุหลาบ จมูกแดงเหมือนผลเชอรี่สุก นัยน์ตาสุกใสเป็นประกาย หนวดเคราสีขาวท่าทางใจดี ถึงแม้ซานตาคลอสจะเป็นเพียง ตำนานที่เกิดขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสก็ตาม แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ ที่รวมเอาวิญญาณและความหมายของคริสต์มาสไว้อย่างมากมาย คือความปิติยินดีชื่นชม ความโอบอ้อมอารี ความรัก และความเป็นกันเอง และที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กๆคือ ของขวัญ ของขวัญ และ ของขวัญ
.. ต้นคริสต์มาส ..
ในสมัยโบราณหมายถึงต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน และทำบาปไม่เชื่อฟังพระเจ้า ตั้งแต่ศตวรรษที่11 ชาวคริสต์แสดงละครที่หน้าวัด ถึงความหมายของคริสต์มาสและเอาต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลางเพื่อประดับฉากแสดงถึง บาปกำเนิดของอาดัมและเอวาต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาง่าย ที่สุดในประเทศเหล่านั้น
การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี จนถึงศตวรรษที่15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้นกลายเป็นการเล่น เหมือน ลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนาซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สึกเสียดายที่ ไม่มีโอกาสดูละครสนุกๆแบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของตน โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน เพราะต้นไม้เป็นจุดเด่นในลานวัด ที่เขาเคยร่วมสนุกกัน จากนั้นก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ลและแขวนแผ่นขนมปังเพื่อระลึกถึงศีลมหาสนิท ซึ่ง ก็มีวิวัฒนาการ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็กลายเป็นขนมและของขวัญ อย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
เราจะเห็นได้ว่าวันคริสต์มาสเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง เพื่อเป็นการระลึกถึงวันที่พระบุตร ของพระเจ้ามาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์เป็นพระเจ้า ที่จะอยู่กับเราตลอดไป เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ เป็นพี่หัวปีที่จะนำมนุษย์ทั้งมวลไปสู่พระบิดาเจ้า พระองค์เป็นความสำเร็จบริบูรณ์ ตามคำ สัญญาของพระเจ้าที่จะดูแลป้องกัน รักษาเราผู้เป็นประชากรของพระองค์
วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
^^ Province de Phuket ^^

Phuket est la plus grande île de Thaïlande, située dans la mer d'Andaman à l'ouest de la péninsule malaisienne. L'île est très montagneuse, avec une chaîne de montagnes du côté ouest de l'île alignée du nord au sud. Les montagnes de Phuket de l'extrémité méridionale sont une chaîne de montagne qui s'étend sur 440 kilomètres de l'isthme de Kra. L'altitude la plus élevée de la chaîne de montagne de Phuket est le Khao Phra Mi avec une altitude de 1 138 m, toutefois l'altitude la plus élevée sur l'île elle-même est le Mai Tha Sip Song (douze cannes), à 529 m au-dessus de niveau de la mer. Près de 70 % de l'île est couverte par la forêt. La côte occidentale possède plusieurs plages sablonneuses, alors que sur la côte est on retrouve des plages plus boueuses. Le point le plus au sud de l'île est Laem Promthep qui est un point de vue très populaire pour ses couchers du soleil.
La région touristique principale sur l'île de Phuket est la plage de Patong qui possède également la majeure partie de la vie nocturne de Phuket et est le centre des achats bon marché sur l'île. D'autres plages populaires incluent la plage de Karon, la plage de Kata, la plage de Nai Harn et la plage de Bang Tao.
Tout comme sa voisine de Phi Phi, l'île a été touchée par un tsunami causé par le tremblement de terre du 26 décembre 2004.
Économie
L'exploitation de mines d'étain a été une source de revenus importante pour l'île depuis le XVIe siècle. Beaucoup d'ouvriers chinois ont été employés dans les mines, et leur influence sur la culture de Phuket peut encore être sentie aujourd'hui. Avec la chute des prix de l'étain, l'exploitation a maintenant complètement cessé. De nos jours, l'économie de Phuket se repose sur deux piliers : plantations d'hévéa (faisant à la Thaïlande le plus grand producteur du caoutchouc dans le monde) et le tourisme. Depuis les années 80 Phuket est devenue l'une des attractions touristiques principales de la Thaïlande, la plupart des plages sablonneuses sur la côte occidentale de l'île ont été développées en centres touristiques, Patong, Karon et Kata étant les plus populaires.
Histoire
Démographie
Symboles
Le sceau provincial montre les deux heroïnes de la province, Thao Thep Kasattri et Thao Sri Sunthon.
L'arbre provincial est le bois de rose de Birmanie (Pterocarpus indicus), et la fleur représentant la province est la fleur de poivre (Bougainvillea sp.).
Divisions administratives

Phuket est divisé en 3 circonscriptions (Amphoe), qui sont subdivisées en 17 communes (Tambon) et 103 villages (Muu-baan).
- Mueang Phuket
- Kathu
- Thalang
วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551
ต้นกำเนิดไวน์

ไวน์มีต้นกำเนิดในศตวรรษที่ 1 โดยหลุยส์ ปาสเตอร์ นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของโลกพบว่า “ยีสต์” หรือเชื้อราขนาดเล็กนั้น สามารถช่วยในการเปลี่ยนน้ำตาลที่อยู่ในผลไม้ให้เป็นแอลกอฮอล์ได้ โดยอาศัยปฏิกิริยาที่ค่อนข้างสับซ้อน
การหมักน้ำองุ่นให้กลายเป็นไวน์องุ่นนั้น ทำได้ตามวิธีธรรมชาติ โดยอาศัยยีสต์ที่อยู่ในผิวขององุ่นซึ่งจะเปลี่ยนให้น้ำองุ่นกลายเป็นแอลกอฮอล์และฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มยีสต์เข้าไปด้วย เพื่อช่วยในกระบวนการหมัก
ส่วนไวน์แดง ทำมาจากองุ่นแดง ที่หมักเชื้อนานประมาณ 2 สัปดาห์ ที่อุณหภูมิ 21-29 องศาเซลเซียส ส่วนไวน์ขาว ทำมาจากองุ่นเขียวขาว แล้วทำการหมักเชื้อที่อุณหภูมิ 10-15 องศาเซลเซียส นานประมาณ 3-6 สัปดาห์
ส่วนขั้นตอนการทำคร่าวๆ ก็คือ สกัดน้ำออกจากองุ่น แล้วนำน้ำองุ่นที่ได้บรรจุลงถังหมัก เมื่อครบกำหนดก็นำไวน์ที่ได้ออกมากรองเอาตะกอนออก แล้วส่งต่อเพื่อทำการบรรจุใส่ขวดอีกครั้งหนึ่ง
วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
The Château de Versailles
In English it is often referred to as the Palace of Versailles. When the château was built, Versailles was a country village, but it is now a suburb of Paris. From 1682, when King Louis XIV moved from Paris, until the royal family was forced to return to the capital in 1789', the Court of Versailles was the center of power in Ancien Régime France.
In 1660, royal powers from the advisors who had governed France during his minority, was casting about for a site near Paris but away from the tumults and diseases of the crowded city. He had grown up in the disorders of the civil war between rival factions of aristocrats called the Fronde and wanted a site where he could organize and completely control a government of France by absolute personal rule.
He settled on the royal hunting lodge at Versailles, and over the following decades had it expanded into the largest palace in the world. Versailles is famous not only as a building, but as a symbol of the system of absolute monarchy which Louis XIV espoused.